Keynote WWDC 2019 มีอะไรน่าสนใจบ้าง
1 min read

WWDC หรืองานประชุมนักพัฒนาระดับโลก เป็น การประชุมประจำปีของบริษัทแอปเปิล เพื่อแสดงสินค้าซอฟต์แวร์ และ ผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิล โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์
เริ่มต้นด้วย tvOS


- ปรับหน้าตา tvOS ใหม่
- รองรับการใช้งานโดยผู้ใช้หลายคน (multi-user)
- ให้บริการ Apple Music บน Apple TV สามารถแสดงเนื้อเพลงหรือ MV ได้
- สามารถใช้งานร่วมกับ Joystick ของทั้ง X-box และ Play station 4 ได้
Watch OS 6
- New Watch face
- เมื่อขึ้นชั่วโมงใหม่ จะมีเสียงเตือน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นโหมดสั่นได้
- เพิ่ม Application พื้นฐาน ใหม่เข้ามา เช่น Audio Book, Voice Recording และ Calculator
- สามารถเล่นเสียงบน Apple Watch ได้เลย ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับมือถืออีกต่อไป
- มี App Store บน Apple Watch แล้ว ทำให้สามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง Application จากบน Apple Watch ได้เลย
- Activity trend ดูว่าเราทำกิจกรรมสม่ำเสมอแค่ไหน
- สามารถแจ้งเตือนได้ว่าเราอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดัง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวเรา
- สามารถติดตามประจำเดือนของเรา ช่วยนับวันที่เราจะมีประจำเดือน คาดคะเนการตั้งครรภ์ได้ ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจะถูกเข้ารหัสและเก็บไว้บน cloud
iOS 13
- เน้นเรื่อง performance เช่น ปลดล็อคด้วย face id เร็วขึ้น 13% ขนาด OS ลดลง 60% Application ลดลง 50% และเปิด Application เร็วขึ้น 2 เท่า
- เปิดตัว Dark mode ส่วนใหญ่เปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีดำ และ Wallpaper เปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่ Dark mode
- Keyboard สามารถลากเพื่อพิมพ์ข้อความได้
- ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของ Reminder
- มีการปรับปรุงข้อมูลแผนที่ได้ดีขึ้น แสดงข้อมูลได้ละเอียดขึ้น มีฟีเจอร์ Look around (คล้าย Google Street View) ทำงานได้ลื่นไหลดีมาก มีการปักหมุดสถานที่ และแสดงข้อมูลของสถานที่
- เปิดตัว Sign in with Apple ป้องกันการติดตามข้อมูล สามารถใช้งานร่วมกับ face id
- Home kit secure video มีการเข้ารหัสก่อนส่งขึ้น Cloud และสามารถดูได้เฉพาะเจ้าของ ID เท่านั้น ข้อมูลเก็บย้อนหลัง 10 วัน ไม่จำกัดการใช้พื้นที่บน Cloud
- iMessages จะเป็นบัญชีของเราเอง สามารถสร้าง Animoji, ชื่อ หรือรูปเป็นของตัวเอง เพื่อใช้ติดต่อกับบุคคลอื่น สามารถปรับแต่งตัวละคร Animoji ได้มากขึ้น
- Portrait Lightning สามารถปรับระยะห่างของแสงไฟกับตัวแบบได้
- Photo สามารถปรับแต่งรูปภาพได้ง่ายขึ้น แยกเมนูออกมาชัดเจน
- สามารถหมุนวีดีโอได้(ซักที) นอกจากนี้ยังสามารถใส่ฟิลเตอร์ ปรับแสง สลับภาพวีดีโอได้
- จัดการ Moment ภาพได้ดีขึ้น จัดภาพเป็นกลุ่มได้โดยแสดงภาพที่ดีที่สุดหากมีภาพซ้ำ และแสดงเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับวันนั้นในแต่ละปีได้อีกด้วย
- หากเรากำลังใช้งาน Airpods อยู่ ในขณะนั้นมีข้อความเข้ามา Siri จะอ่านข้อความที่กำลังเข้ามาให้เราฟัง และเราสามารถสั่งการตอบกลับผ่าน Siri ได้
- สามารถฟังเพลงพร้อมกันหลายคนได้ (1 เครื่อง กับหลายๆ Airpods)
- เล่นเพลงบน HomePod ได้เพียงแค่นำ iPhone ไปจ่อใกล้ๆ เมื่อออกจากระยะของ HomePod ก็จะกลับมาเล่นบน iPhone ต่อได้
- HomePod สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเป็นเสียงของใคร จากเดิมที่สามารถรับรู้ได้แค่คำสั่ง
- Siri จะสามารถพูดได้ธรรมชาติมากขึ้น
iPadOS
- สามารถใช้ Widget บน หน้า home ได้
- การใช้งาน Split screen ทำงานได้ง่ายขึ้น สลับไปมาระหว่าง Application ได้สะดวกขึ้น
- สามารถเปิด Application ชนิดเดียวกันบน 2 หน้าจอได้ เช่นการเปิด Note บน Split screen
- สามารถลากรูปหรือลิงค์ไปวางบนอีก Application บน Split screen ได้
- Files ทำงานได้เหมือน Finder บน MacOS มากขึ้น
- ทำ Folder Sharing บน iCloud ได้แล้ว
- สามารถเชื่อมต่อกับ USB Flash Drive ได้แล้ว (USB-C)
- Safari สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้
- ใช้ Apple pencil ลากเพื่อจับภาพหน้าจอได้ สามารถนำมาขีดเขียนต่อได้
MacOS Catalina
- แยก iTunes ออกเป็น 3 application ได้แก่ Apple Music, Apple Podcast, Apple TV
- Sync ผ่าน Finder ได้เลย
- Sidecar สามารถใช้ iPad เป็นจอแยกได้ สามารถทำงานบนจอ iPad ผ่าน Apple Pencil ได้
- Voice Control บน Mac ทำงานได้ดีขึ้น
- Project Catalyst ทำให้ผู้พัฒนาสามารถสร้าง Application ที่ทำงานได้บน iPhone, iPad และ Mac ได้ ทำให้ง่ายต่อการพัฒนา
Swift
- การเขียน User Interface ด้วย Code จะทำให้ Code สั้นลงกว่าเดิมมาก
- แสดงผล Real time ในขณะที่เรากำลังแก้ Code
- แสดงผลในหลายๆหน้าจอรวมทั้ง Darkmode
- แสดงผลบนอุปกรณ์แบบ Real time ด้วย
สุดท้าย ประทับใจ intro video งานเปิดตัว WWDC2019 มาก
When the world goes to sleep, developers stay up to chase their dreams.
